สรรพากรได้ฤกษ์ยอมไฟเขียวประกันชีวิตขายกรมธรรม์ TAX
ตามเงื่อนไขใหม่ที่กำหนด
ขณะที่ผู้เอาประกันเศร้าถูกเฉือนวงเงินใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษี 1
แสนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อสรรพากรระบุอ้างกฎหมายให้ได้เฉพาะประกันชีวิตเท่านั้น แม้ทั้ง 2
สมาคมประกันฯ ยอมเสี่ยงขาดทุน เสนอแพ็กเกจใหม่ต่อรองก็ไม่เป็นผล ทั้งๆ
ที่เอกชนยอมยืดขายความคุ้มครองประกันสุขภาพยาวออกไปเป็น 5 ปี ยัน 10 ปี
แทนที่ปัจจุบันจะคุ้มครองปีต่อปีแล้วเลิกสัญญาทันที
เมื่อเกิดโรคร้ายกลางคัน
หลังจากกรมสรรพากรดองเรื่องอยู่นานกับการ
พิจารณาทบทวนเพื่อหาหลักเกณฑ์ใหม่สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตบางแบบที่ผู้เอา
ประกันไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท
ภายหลังจากเกิดปัญหาบางบริษัทประกันชีวิตหัวใสใช้วงเงินหักลดหย่อนภาษีดัง
กล่าวเป็นช่องทางตลาดทำมาหากินในทางผิดหลักการกรมสรรพากรนั้น
ในที่สุดกรมสรรพากรก็ได้ข้อยุติในหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสาธิต รังคสิริ
ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี
ในฐานะโฆษกกรมสรรพากรได้เรียกประชุมร่วมกับผู้แทนจากคณะกรรมการบริหารสมาคม
ประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัย
กระทั่งได้ข้อสรุปเห็นชอบร่วมกันที่จะใช้หลักเกณฑ์ใหม่เพื่อกำหนดทิศทางให้
บริษัทประกันภัยขายกรมธรรม์ประเภทใดที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
ต่อ
เรื่องนี้ นายสาธิต รังคสิริ โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า
ตามที่ได้มีการพูดคุยกับภาคเอกชนทั้งสองสมาคมฯ
ได้มีข้อสรุปเห็นชอบร่วมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า
กรมธรรม์ประกันชีวิตที่จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
ต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีระยะเวลาคุ้มครองยาว 10 ปีขึ้นไป
และเป็นกรมธรรม์ที่มีการจ่ายเงินคืนผลประโยชน์ตอบแทนระหว่างปีกรมธรรม์
ประกันภัย (Cash Bonus) เฉลี่ยไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันรายปี
หากไม่มีการจ่ายเงินคืนในปีใด
สามารถนำผลตอบแทนดังกล่าวมาสะสมยอดเพื่อจ่ายในปีต่อไปได้ แต่ไม่เกิน 10 ปี
สำหรับ
กรณีเบี้ยประกันจากสัญญาแนบท้ายกรมธรรม์
หรือเบี้ยจากส่วนของอนุสัญญาเพิ่มเติม (Rider)
นั้นจะต้องมีการแยกบัญชีออกมาอย่างชัดเจน
โดยกรมสรรพากรจะไม่อนุญาตให้นำส่วนนี้มาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้
โดยบริษัทประกันชีวิตจะต้องแยกออกมาให้ชัดเจนว่าเป็นส่วนของเบี้ยประกัน
ชีวิตเท่าไหร่
และเป็นของสัญญาแนบท้ายหรืออนุสัญญาที่เกี่ยวกับประกันสุขภาพหรือพีเอเท่าใด
เพื่อให้ทราบว่าผู้เอาประกันจะสามารถนำกรมธรรม์หลักมาใช้หักลดหย่อนภาษี
เท่าใด
โดยหลักเกณฑ์นี้คงจะไม่มีผลให้เรียกภาษีย้อนหลังคืนกับผู้ที่ทำประกันที่ได้
รับการหักลดหย่อนภาษีไปแล้ว แต่จะมีผลปฏิบัติทันทีที่ประกาศใช้
และกรมธรรม์รายใหม่ที่ผู้เอาประกันซื้อ
ทั้งนี้ข้อสรุปดังกล่าวคงจะนำเสนอให้ท่านอธิบดีกรมสรรพากรรับทราบและลงนามก่อนประกาศใช้ต่อไป
นาย
สาธิต ยังกล่าวอีกว่า
ส่วนกรณีที่บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยจะต่อรองขยายวงเงิน
คุ้มครองประกันสุขภาพให้ยาวออกไปเป็น 5 ปี หรือ 10 ปี
เพื่อเป็นเงื่อนไขมาแลกกับการขอสิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษีนั้นคงไม่สามารถ
กระทำได้ แม้จะส่งผลดีต่อผู้เอาประกันได้รับประโยชน์
อีกทั้งเป็นการกระตุ้นการทำประกันชีวิตก็ตามที ทั้งนี้
เนื่องจากในหลักกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า
กรมธรรม์ประกันชีวิตเท่านั้นที่จะสามารถนำมาใช้หักลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย
ส่วนการประกันสุขภาพไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์นี้
แหล่งข่าวจากสำนัก
งานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ทาง
คปภ.และผู้แทนสมาคมฯ
ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการชี้แจงทำความเข้าใจให้กับทางกรมสรรพากรรับทราบ
แล้ว แต่ทางกรมสรรพากรยังยืนกรานออกมาอย่างนี้ก็คงช่วยไม่ได้ ทั้งๆ
ที่บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยยอมเสี่ยงขาดทุน
เพื่อขยายระยะเวลาของอนุสัญญาหรือสัญญาแนบท้าย
หรือกรมธรรม์ประกันสุขภาพให้คุ้มครองยาวขึ้นแล้วก็ตาม
ซึ่งปกติแล้วการประกันสุขภาพจะมีเงื่อนไขคุ้มครองเพียงปีต่อปี
หากลูกค้าเกิดเหตุล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรงใดก็ตาม
บริษัทประกันชีวิตย่อมสามารถหยุดรับประกันต่อ
โดยรักษาผู้เอาประกันจนครบสัญญาหนึ่งปีย่อมสามารถบอกเลิกสัญญาได้
ที่มาของข่าว :: นสพ.เส้นทางนักขาย
เตือน...ทำประกันรถยนต์
14 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น